ช้ำมาก! เฟอร์กี้เผยหนึ่งเรื่องที่ทำให้เสียใจมากสุดในอาชีพกุนซือ

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวว่าหนึ่งในสิ่งที่ตนรู้สึกเสียใจมากที่สุดตลอดอาชีพการคุมทีมคือการที่ต้องจำใจไม่ใส่ชื่อ พาร์ค ชี-ซอง อดีตกองกลางชาวเกาหลีใต้อยู่ในทีมชุดที่ชนะ เชลซี ในช่วงดวลจุดโทษของเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ ประจำฤดูกาล 2007-08

ถึงแม้จะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนเพื่อนร่วมทีมหลายคนในชุดนั้นอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เวย์น รูนี่ย์, คาร์ลอส เตเวซ ฯลฯ แต่แข้งเลือดโสมขาวก็เป็นหนึ่งในขวัญใจของแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด จากการที่เขาขยันสุดๆ และวิ่งไล่บอลอย่างไม่ลดละทุกนัด ทั้งนี้ ในฤดูกาล 2007-08 พาร์ค ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก 4 นัด ซึ่งเกิดขึ้นในรอบก่อนรองชนะเลิศทั้ง 2 นัด และรอบรองชนะเลิศทั้ง 2 เกม โดยเขาทำผลงานได้น่าพอใจในเกมเหล่านั้นจนทำให้หลายคนเชื่อว่าเจ้าตัวจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดชิงชนะเลิศ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาไม่มีชื่อแม้กระทั่งเป็นตัวสำรอง

เฟอร์กูสัน ให้สัมภาษณ์กับ เอ็มยูทีวี สถานีโทรทัศน์อย่างเป็นทางการของ แมนฯ ยูไนเต็ด ว่า “การได้แชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ มันถือเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม ลูกทีมของผมเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม และมีทัศนคติที่สุดยอด ขุมกำลังของเรามันแข็งแกร่งมากๆ” “อย่างไรก็ตาม ปัญหาของผมในนัดชิงชนะเลิศของปี 2008 ก็คือเรื่องที่ผมไม่ได้ทำให้ ชี-ซอง พาร์ค มีส่วนร่วมในนัดชิงชนะเลิศเลย และผมอาจจะยังนึกเสียใจกับเรื่องนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ด้วย ก่อนถึงรอบนั้นเขาเล่นได้ดีมากๆ และเรื่องแบบนี้ก็คือปัญหาเมื่อคุณเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้”

อดีตบรมกุนซือชาวสกอตต์เสริมว่า ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ อดีตหัวหอกชาวบัลแกเรียเองก็เจ็บใจสุดๆ เหมือนกันที่ไม่มีชื่ออยู่ในทีมชุดลงเล่นเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงดำ ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ บาร์เซโลน่า 1-3 “เกมที่ เวมบลีย์ ผมก็ทำแบบเดียวกันกับ เบอร์บาตอฟ และเขาก็ซึมสุดๆ เขาไม่สมควรเจออะไรแบบนี้ ไม่มีนักเตะคนไหนที่สมควรหลุดจากทีมในนัดชิงชนะเลิศ” “นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เราพยายามอย่างหนักในงานสัมมนาของเหล่าโค้ชเพื่อที่จะให้ในนัดชิงชนะเลิศมีการใส่ชื่อตัวสำรองได้ 11 คน ก่อนหน้านี้เราต้องให้นักเตะ 4 หรือ 5 คน ต้องขึ้นไปชมเกมบนอัฒจันทร์ ทั้งที่คนเหล่านั้นทำผลงานให้ทีมได้อย่างยอดเยี่ยมจนพาทีมมาถึงนัดชิงชนะเลิศได้”

Facebook Comments