ฟีร์มิโนเบิ้ล!หงส์แดงบุกยิงผีถึงรัง4-2
พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2020-2021 นัดตกค้าง เป็นการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดรังเหย้า โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แบบไร้คนดูตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ทำศึกแดงเดือดพบกับ ลิเวอร์พูล
โอเล กุนนาร์ โซลชา กุนซือเจ้าบ้าน เลือกจัดทัพมาในระบบ 4-2-3-1 ใช้หน้าเป้าเป็น เอดินสัน คาวานี ทำเกมรุกร่วมกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด, บรูโน แฟร์นันด์ส และ ปอล ป็อกบา
ด้านทีมเยือนของ เยอร์เก้น คล็อปป์ วางหมากมาในแผน 4-3-3 ด้วยการใช้สามประสานแนวรุกในแดนหน้าเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน และ ดิโอโก้ โชต้า
ออกสตาร์ทเกมเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น เป็นฝั่งของยูไนเต็ดมาได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ อารอน วาน-บิสซาก้า ไหลบอลทางสุดเส้นหลังฝั่งขวาเข้ากลางให้ บรูโน แฟร์นันด์ส ยิงแบบดีดไซด์ก้อยด้วยขวาไปแฉลบการสกัดของ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ เปลี่ยนทางเข้าไป ส่งให้ปีศาจแดงออกนำ 1-0
จากนั้นนาทีที่ 27 ผู้ตัดสินเป่าให้ลิเวอร์พูลได้จุดโทษ จากจังหวะที่ เอริค ไบญี สกัดบอลแล้วตามน้ำไปหวดขาของ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ก่อนที่ผู้ตัดสินจะวิ่งไปดูจอ VAR ข้างสนาม แล้วกลับลำไม่ให้จุดโทษ เพราะมองว่า ไบญี สกัดโดนบอลก่อนนั่นเอง
แต่แล้วนาทีที่ 34 หงส์แดงในชุดเยือนสีเขียวมิ้นท์มาได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ เก็บตกบอลที่ขลุกขลิกในเขตโทษแล้วกึ่งยิงกึ่งผ่านด้วยขวาไปเข้าทาง โชต้า ไขว้ยิงด้วยขวาระยะเผาขนตุงตาข่าย ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1
ช่วงทดเวลานาทีที่ 45+3 แชมป์เก่ามาได้ประตูแซงนำ จากลูกฟรีคิกทางกราบขวาที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดลึกไปเสาไกลให้ ฟีร์มิโน โฉบมาโหม่งจ่อ ๆ อย่างเด็ดขาด ช่วยให้ทีมเยือนพลิกขึ้นนำ 2-1 ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังนาทีที่ 47 ลิเวอร์พูลมาบวกลูกสามเพิ่มได้อีก จากจังหวะที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยิงด้วยขวาในเขตโทษไปติดเซฟ ดีน เฮนเดอร์สัน มาเข้าทาง ฟีร์มิโน ซ้ำดาบสองด้วยขวาไม่เหลือ เป็นลูกสองของเจ้าตัวในเกมนี้ด้วย ส่งให้หงส์แดงหนีห่างเป็น 3-1
ต่อมานาทีที่ 68 ยูไนเต็ดมาได้ประตูตีตึ้น จากจังหวะที่ คาวานี จ่ายทะลุช่องให้ แรชฟอร์ด หลุดไปยิงเรียดด้วยซ้ายเช็ดโคนเสาเข้าไปอย่างเฉียบคม ทำให้ปีศาจแดงไล่มาเป็น 2-3
ทว่าช่วงท้ายเกมนาทีที่ 90 แชมป์เก่ามาได้ประตูที่สี่ฉีกหนีไปอีก จากจังหวะที่ ซาลาห์ ลากหลุดเดี่ยวตั้งแต่กลางสนามไปยิงด้วยซ้ายอย่างง่ายดาย ช่วยให้ทีมเยือนนำ 4-2
จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นลิเวอร์พูลบุกมาชนะไป 4-2 เก็บเพิ่มเป็น 60 คะแนน ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 5 ส่วนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอยู่อันดับ 2 ยังมี 70 คะแนนเท่าเดิม
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดีน เฮนเดอร์สัน; อารอน วาน-บิสซาก้า, เอริค ไบญี (เนมานยา มาติช น.86), วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, ลุค ชอว์; สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด (เมสัน กรีนวู้ด น.63); มาร์คัส แรชฟอร์ด, บรูโน แฟร์นันด์ส, ปอล ป็อกบา; เอดินสัน คาวานี
สำรองไม่ได้ใช้ : ดาบิด เด เคอา, ฆวน มาต้า, อาหมัด ดิยัลโล, อเล็กซ์ เตลลีส, แบรนดอน วิลเลียมส์, ดอนนี ฟาน เดอ เบ็ค, อักเซล ตวนเซเบ้
ใบเหลือง – เอริค ไบญี น.48, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ น.79, เอดินสัน คาวานี น.85
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์; เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, นาธาเนียล ฟิลลิปส์, รีส วิลเลียมส์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน; จอร์จินิโย ไวจ์นัลดุม (เคอร์ติส โจนส์ น.74), ฟาบินโญ, ติอาโก้ อัลคันทารา; โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (เนโก้ วิลเลียมส์ น.90+2), โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน, ดิโอโก้ โชต้า (ซาดิโอ มาเน น.74)
สำรองไม่ได้ใช้ : อาเดรียน, คอสตาส ซิมิคาส, เซอร์ดาน ชากิรี, ดีว็อก โอริกี้, เบน วู้ดเบิร์น, ควีวีน เคลเลเฮอร์
.
.
.
.