ศึกศักดิ์ศรียอมไม่ได้! ประเด็นร้อนก่อนแดงเดือด ลิเวอร์พูล รับมือ แมนฯ ยูไนเต็ด

เทรนต์ พร้อมงัดฟอร์มเด็ดใน “แดงเดือด”
    เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เพิ่งได้รับเลือกเป็นนักเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกประจำเดือนธันวาคม โดยหนึ่งในฟอร์มที่โดดเด่นของเขาในช่วงเวลานั้นก็คือการช่วยต้นสังกัดบุกถล่ม “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ 4-0 โดยเขายิง 1 ประตูกับทำ 2 แอสซิสต์

    แบ็กขวาวัย 21 ปีมีจุดเด่นในเรื่องการเติมเกมบุก และสามารถทำแบบนั้นได้ตลอดในฤดูกาลนี้ มีเพียงแค่ เควิน เดอ บรอยน์ (76) และ เอมิเลียโน่ บูเอนเดีย (64) ที่สร้างโอกาสในพรีเมียร์ลีกได้มากกว่า อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (60) ขณะที่ จอมทัพทีมชาติเบลเยียม จาก แมนฯ ซิตี้ เป็นนักเตะคนเดียวเท่านั้นที่ทำแอสซิสต์ได้มากกว่าเขา

ศึกศักดิ์ศรียอมไม่ได้! 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล รับมือ แมนฯ ยูไนเต็ด

    ดาวเตะเจ้าของเสื้อหมายเลข 66 สร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างต่อเนื่องจากการเล่นทางกราบขวา โดยมีค่าเฉลี่ยในการสร้างโอกาส 2.9 ครั้งต่อเกม ซึ่งมากกว่าบรรดาผู้เล่นกองหลังคนอื่นๆ ใน 5 ลีกชั้นนำของยุโรป รวมทั้ง โจชัว คิมมิช (2.5 ครั้งต่อเกม) ที่ใกล้เคียงกับ เทรนต์ ที่สุด แต่ 11 จาก 17 เกมในบุนเดสลีกา คิมมิช ถูกจับไปเล่นกองกลาง

    งานนี้แนวรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องระวังอาวุธหนักในการเติมเกมรุกของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เอาไว้ให้ดีๆ เพราะเขาไม่ใช่แค่มีดีในการเปิดบอลจากริมเส้น หรือลูกตั้งเตะเท่านั้น แต่ยังมีทีเด็ดในการยิงลูกฟรีคิกด้วย ฉะนั้นหากละสายตายเพียงนิดเดียว

 วัดใจแดนกลาง
    สาวก “เร้ด อาร์มี่” อาจจะรู้สึกกังวลเกี่ยวกับขุมกำลังแดนกลางเนื่องจากนักเตะสำคัญมีปัญหาบาดเจ็บ โดยทั้ง สกอตต์ แม็คโทมิเน่ย์ และ ปอล ป็อกบา หมดสิทธิ์ช่วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในแมตช์สำคัญนี้ เนื่องจากอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกาย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ โซลชา จำเป็นต้องใช้ อันเดรียส เปเรยร่า และ เฟร็ด

ศึกศักดิ์ศรียอมไม่ได้! 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล รับมือ แมนฯ ยูไนเต็ด

    ขณะที่ในแผงกองกลาง “หงส์แดง” อาจจะไม่ได้มีนักเตะตัวสร้างสรรค์เกมชั้นยอด หรือสตาร์ดังระดับโลกก็ตาม แต่พวกเขาทำผลงานได้เข้าขากันเป็นอย่างดี จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม ต้องรับบทโฮลดิ้งมิดฟิลด์แทน ฟาบินโญ่ ที่มีปัญหาบาดเจ็บแต่ตอนนี้สามารถกลับมาเรียกความฟิตทันเกม “เร้ด วอร์” พอดี

    โดย ดาวเตะเลือดดัตช์ ได้รับการเชิดชูว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลกหลังจากที่โชว์ฟอร์มสุดยอดในแดนกลางให้ต้นสังกัดทั้งการบีบพื้นไม่ให้คู่แข่งเล่นได้สะดวก และการครองบอลอย่างเหนียวแน่น ส่วน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก็ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นโดยเฉพาะในจังหวะการเปิดบอลยาว  และการวิ่งไล่กดดันคู่แข่งอย่างหนักจนไม่สามารถเล่นได้สะดวก

ศึกศักดิ์ศรียอมไม่ได้! 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล รับมือ แมนฯ ยูไนเต็ด

    สำหรับแนวรุกของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีจุดเด่นในการเล่นสวนกลับเวลาที่เจอกับทีมใหญ่ ดังนั้นพวกเขาไม่มีปัญหาในการที่จะต้องโดนคู่อริตลอดกาลครองบอลตลอด แต่สิ่งสำคัญก็คือพวกเขาจำเป็นต้องหยุด ลิเวอร์พูล ในการครองพื้นที่แดนกลาง และการผ่านบอลแบบคิลเลอร์พาสให้ได้

    เนมานย่า มาติช, เฟร็ด และ เปเรยร่า คงจะต้องทำงานหนักแบบวิ่งไม่หยุดเพื่อไม่ให้แดนกลางของลิเวอร์พูล มีพื้นที่ และเล่นได้อิสระ ฉะนั้นนี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ ว่า โซลชา จะจัดแผงมิดฟิลด์ยังไงในการสู้กับ ลิเวอร์พูล ที่เต็มไปด้วยพละกำลังในการเล่นเพรสซิ่ง

เด เคอา ปะทะเกมรุกระดับเฮฟวี่ เมทัล
    ด้วยความเคารพต่อเกมรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่การที่พวกเขาแทบจะเก็บคลีนชีตไม่ได้จากการลงเล่นทุกรายการคงจะเป็นเรื่องยากที่จะมีความมั่นใจในการเผชิญหน้ากับแนวรุกที่ว่ากันว่าสุดยอดที่สุดในอังกฤษเวลานี้ เพราะนักเตะอย่าง ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นระดับโลกไปแล้ว ซึ่งสามารถยิงประตูได้ตลอดเวลา

    อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าเกมรับทั้งหมดของ “ผีแดง” จะย่ำแย่ไปซะทีเดียว อย่างน้อยๆ มีนักเตะหลายคนที่แสดงความฮึกเหิม และเล่นได้ยิ่งขึ้นในเกมแห่งศักดิ์ศรี เพราะจากประวัติศาสตร์ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาทุกครั้งที่ ลิเวอร์พูล ปะทะ แมนฯ ยูไนเต็ดนั้น ดาบิด เด เคอา มักจะเป็นผู้เล่นที่ทำผลงานได้ดีที่สุดเสมอ

ศึกศักดิ์ศรียอมไม่ได้! 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล รับมือ แมนฯ ยูไนเต็ด

    สาวก “เดอะ ค็อป” รู้ดีว่า นายทวารชาวสแปนิช เหนียวหนึบมาแค่ไหน นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2013 เด เคอา เก็บได้ 6 คลีนชีตในการสู้กับสโมสรเจ้าของแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทีมล่าสุด ที่สำคัญเขามักจะโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นเกือบทุกครั้งที่ลงเฝ้าเสาในศึก “แดงเดือด”

    ก็เหมือนในสมัยที่ หลุยส์ ซัวเรซ กับ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ อยู่กับทีม เพราะทั้ง มาเน่ กับ ซาลาห์ ไม่ค่อยได้มีโอกาสส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายมากนักเนื่องจาก เด เคอา โชว์ฟอร์มซูเปอร์เซฟหลายต่อหลายครั้ง แม้ว่าตอนนี้ นายด่านทีมชาติสเปน จะไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่เหนียวหนึบที่สุดตั้งแต่ปี 2013-2018 ก็ตาม แต่เขาก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในการหยุดเกมรุกของคู่อริร่วมชาติ    

    “บังโม” และเพื่อนร่วมทีม อาจจะผ่านแนวรับที่ไม่ค่อยเหนียวแน่นอนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปได้ แต่พวกเขาต้องทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อที่จะส่งบอลผ่านมือ เด เคอา ในเกมแห่งศักดิ์ศรีนี้

 สถิติน่าสนใจ “หงส์แดง” ปะทะ “เร้ด เดวิลส์”
– นับตั้งแต่ที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งเหย้าและเยือนในฤดูกาล 2013/14 พวกเขาคว่ำคู่อริตลอดกาลเพียงแค่ 1 เกมจาก 11 แมตช์หลังสุดในพรีเมียร์ลีกที่พบกับ “ผีแดง” (เสมอ 5 แพ้ 5)
– แมนฯ ยูไนเต็ด สะกดคำว่าชนะไม่เป็นในเกมเยือน ลิเวอร์พูล ทุกรายการ (เสมอ 2 แพ้ 2) นับตั้งแต่ที่เอาชนะสกอร์ 1-0 เมื่อเดือนมกราคม 2016 ในเกมพรีเมียร์ลีก

ศึกศักดิ์ศรียอมไม่ได้! 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล รับมือ แมนฯ ยูไนเต็ด


– ลิเวอร์พูล แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 28 เกมจากการดวลในศึกพรีเมียร์ลีก 28 แมตช์ มากกว่าทีมอื่นๆ ในรายการนี้
– ลิเวอร์พูล จะดวลกับ แมนฯ ยูฯ ในฐานะจ่าฝูงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายน 1990 ซึ่งเกมนั้น “เดอะ เร้ดส์” ถล่ม 4-0 ในยุคที่เซอร์เคนนี่ ดัลกลิช กุมบังเหียน
– แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้เกมเยือนทีมจากเมอร์ซี่ย์ไซด์ทั้ง 2 แมตช์ในพรีเมียร์ลีกในการปะทะกับ ลิเวอร์พูล และ เอฟเวอร์ตัน แต่พวกเขาไม่เคยแพ้ 3 เกมติดต่อกันในลีกสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 1979

.

Facebook Comments