อิกาโล่โก้จริง! ผ่า 5 ประเด็น แมนยู ฟอร์มหรูบุกทุบ ดาร์บี้ เคาน์ตี้
แมตช์นี้ “ปีศาจแดง” อาจจะเล่นไม่ค่อยดีนักในช่วงต้นเกม และเกือบโดน “แกะเขาเหล็ก” ยิงประตูได้ แต่หลังจากที่้ตั้งเกมได้แล้ว พวกเขาสามารถกดเจ้าบ้านได้ตลอด ก่อนจะมาได้ประตูขึ้นนำจาก ลุค ชอว์ รวมไปถึงสองประตูจาก โอเดียน อิกาโล่
ฟอร์มการเล่นในแมตช์นี้ต้องยกเครดิตให้กับการวางแท็กติคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และแน่นอนว่าผลงานแบบนี้ถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจที่ดีเยี่ยมสำหรับพวกเขาก่อนที่จะทำศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ รับมือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เกมพรีเมียร์ลีก สุดสัปดาห์นี้
1. อิกาโล่ ขวัญใจคนใหม่เด็กผี
โอเดียน อิกาโล่ อาจจะไม่ใช่นักเตะที่ได้รับการเชิดชูว่าเป็นกองหน้าชั้นนำของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ตอนนี้คงไม่มีสาวก “เร้ด อาร์มี่” คนไหนไม่แฮปปี้กับฟอร์มการเล่นของ ดาวยิงชาวไนจีเรีย อีกต่อไปแล้ว เพราะเขาตะบันตาข่ายคู่แข่งได้อย่างต่อเนื่องในช่วงเวลานี้
ดาวเตะมากประสบการณ์ เปิดฉากยิงประตูแรกให้กับ “ผีแดง” ในเกมที่ช่วยทีมคว่ำ คลับ บรูช ในศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก เมื่อสัปดาห์ก่อน จากนั้นเจ้าตัวก็ไม่ทำให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ต้องผิดหวังที่จับลงตัวจริงในเกมเยือน ดาร์บี้ เคาน์ตี้ เมื่อจัดการซัด 2 ประตูในแมตช์ถล่มเจ้าบ้าน 3-0
สำหรับประตูแรกที่ อิกาโร่ ยิงได้ในเกมนี้ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเจ้าตัว ขณะที่ประตูที่สองของเขาก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงทักษะความเป็นกองหน้าชั้นดี ฉะนั้นในเวลานี้ แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะสบายใจได้พอสมควรในการมีหน้าเป้าที่ค่อนข้างไว้วางใจได้
ในฤดูกาลนี้การที่ทีมอาจจะไม่มี มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงสนามในช่วงที่เหลืออยู่ของซีซั่นนี้ ฉะนั้นนี่เป็นโอกาสสำคัญที่ อิกาโล่ จะได้เล่นร่วมกับ อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล และสร้างผลงานดีมีคุณภาพให้ โซลชา ได้เห็น และมีสิทธิ์จะได้ย้ายมาเล่นใน “โรงละครแห่งความฝัน” แบบถาวร ฉะนั้นแฟนผีแดงคงรู้สึกว่านักเตะรายนี้ถือเป็นจิ๊กซอว์ในการเสริมทัพช่วงตลาดพ่อค้าแข้งรอบ 2 ได้ไม่เลวเลยทีเดียว
2. ชอว์ ฉกฉวยโอกาสของตัวเองได้ดี
โอกาสมีไม่บ่อยถ้าได้รับแล้วต้องฉกฉวยให้ได้ ลุค ชอว์ ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเมื่อเขาได้โอกาสลงสนาม เจ้าตัวก็ทำผลงานได้ดีเยี่ยม โดยมีส่วนสำคัญกับชัยชนะของทัพ “เร้ด เดวิลส์” เพราะเป็นคนจัดการปลดล็อกให้ทีม ด้วยการซัดประตูสุดสวยนำต้นสังกัดขึ้นนำ ดาร์บี้ เคาน์ตี้
ชอว์ มักจะประสบปัญหาเรื่องสภาพความฟิต และนั่นส่งผลให้เจ้าตัวโดน เบรนแดน วิลเลี่ยมส์ แบ็กซ้ายดาวรุ่ง ที่ได้รับโอกาสจาก “น้าลูกอม” และก็ทำผลงานได้น่าประทับใจ ลงสนามเป็นตัวจริงบ่อยๆ จนหลายคนมองว่านี่คืออนาคตของสโมสร รวมไปถึงการยึดตำแหน่งฟูลแบ็กถาวร
อย่างไรก็ตาม ชอว์ ไม่ยอมแพ้และพยายามที่จะเอาชนะใจ โซลชา ให้ได้อีกครั้ง โดยเมื่อได้โอกาสลงตัวจริงในเกมเยือน “แกะเขาเหล็ก” เขาก็แสดงผลงานสุดยอดออกมาทั้งช่วยเกมรับได้ดี และเกมรุกถือเป็นจุดเด่นของเจ้าตัว ที่สำคัญยังโชว์การวอลเล่ย์สุดสวยให้ทีมได้ประตูขึ้นนำด้วย
สำหรับประตูมีความหมายกับ ฟูลแบ็กเลือดผู้ดีอย่างมาก เพราะเป็นประตูแรกในการเล่นเกมเยือนที่เขายิงให้ แมนฯ ยูไนเต็ด และยังยิงได้แค่ประตูเดียวให้กับต้นสังกัดนับตั้งแต่ที่ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายในแมตช์ปะทะ “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2018 แถมยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับประตูที่ อิกาโร่ ยิงประตูที่สองด้วย
3. แฟร์นันด์ส นักเตะที่แมนฯ ยูไนเต็ด ขาดไม่ได้
ตอนนี้หากจะถามว่าผู้เล่นคนไหนที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขาดไม่ได้เลย แน่นอนว่าต้องเป็น บรูโน่ แฟร์นันด์ส เพราะเจ้าตัวยิ่งเล่นยิ่งกลายเป็นหัวใจสำคัญของทีม โดยในเกมล่าสุดก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นผู้เล่นที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับทีมได้ตลอดเวลา
ดาวเตะชาวโปรตุกีส ใช้เวลาในการปรับตัวกับการเล่นในพรีเมียร์ลีก แค่แป๊บเดียวเท่านั้นก็สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น โดยเขามีทีเด็ดทั้งในเรื่องการผ่านบอลทะลุช่อง การเปิดบอลจากริมเส้น การเปิดบอล การยิงประตู รวมไปถึงการเล่นลูกฟรีคิกและตั้งเตะ ตอนนี้ แฟร์นันด์ส ทำทั้งหมดนี้ได้ดีไม่มีที่ติ
สิ่งเดียวที่ทำให้แฟนบอลแมนฯ ยูฯ ไม่ค่อยแฮปปี้ก็คือ ตอนที่เขาลงไปนอนดิ้น หลังจากเข้าปะทะหนักกับผู้เล่นดาร์บี้ ซึ่งตอนนั้นบอกเลยว่าสาวก “เร้ด อาร์มี่” ต่างใจหายเพราะหวั่นว่านักเตะจะได้รับบาดเจ็บ เพราะเกมต่อไปต้องทำศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันอาทิตย์นี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับการปฐมพยาบาลแล้ว แฟร์นันด์ส ก็กลับมาเล่นได้เหมือนเดิม ก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออกช่วงนาทีที่ 66 ซึ่งนั่นจะทำให้เขาได้พักเพื่อฟิตเต็มร้อยในการเจอกับแมนฯ ซิตี้ ฉะนั้นในเกมที่จะพบกับ “เรือใบสีฟ้า” สุดสัปดาห์นี้ พวกเขามีโอกาสที่จะดับซ่าเพื่อนบ้านน่ารำคาญ หาก ดาวเตะเลือดฝอยทอง ยังสร้างผลงานดีมีคุณภาพแบบนี้ต่อไป
4. โซลชา มีโอกาสได้คุมทีมยาวๆ
ก่อนหน้านี้อนาคตของ โซลชา ใน “เธียเตอร์ ออฟ ดรีม” ดูเหมือนจะถึงทางตันแล้ว และมีข่าวลือออกมาอย่างต่อเนื่องว่าเจ้าตัวโดนปลดแน่นอน แต่ตอนนี้สถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนไปหมดแล้ว เพราะ นายใหญ่ชาวนอร์เวย์ มีโอกาสได้คุมทีมไปอีกนาน
แม้ว่าการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในฤดูกาลนี้ แต่อย่าลืมว่าพวกเขายังมีโอกาสทำอันดับขึ้นไปอยู่ท็อปโฟร์, การลุ้นความสำเร็จในศึกยูโรปา ลีก เพราะทีมผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้ว และการลุ้นโทรฟี่เอฟเอ คัพ หลังจากผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ
ฉะนั้นหาก โซลชา สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่เหลืออยู่ในตอนนี้ นั่นก็คือการซิวตั๋วโควตา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และการสอยแชมป์ ยูโรปา ลีก กับ เอฟเอ คัพ งานนี้บอกเลยว่า “น้าลูกอม” คงได้อยู่สร้างตำนานร่วมกับทีมในฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอน
5. รูนี่ย์ ยังคงเป็นตำนาน “ปีศาจแดง” อยู่เสมอ
แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เคยลืมว่า เวย์น รูนี่ย์ คือหนึ่งในนักเตะที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้ “เร้ด เดวิลส์” ครองความยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังเมืองผู้ดี แม้ว่าในวันนี้เขาจะเป็นนักเตะของ ดาร์บี้ และต้องปะทะกับทีมเก่า แต่สาวก “เร้ด อาร์มี่” ยังคงยกย่อง “รูน” ในฐานะยอดดาวยิงอยู่เสมอ
รูนี่ย์ ยึดตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยการตะบันไปถึง 253 ประตูในช่วงระหว่าง 13 ปีที่เขาค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และนั่นคือเครื่องหมายการันตีว่า อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ และเอฟเวอร์ตัน คือตำนานของ “ผีแดง” อย่างไม่ต้องสงสัย
ในแมตช์นี้ รูนี่ย์ ยังแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นยอดดาวยิงอยู่เสมอ แม้ว่าอาจจะไม่ได้ร้อนแรงเหมือนสมัยที่หนุ่มๆ แต่ก็อันตรายทุกวินาที โดยเฉพาะการเล่นลูกฟรีคิก เพราะเจ้าตัวปั่นบอลได้สุดยอดมากๆ 2 ครั้ง แต่น่าเสียดายที่ เซร์คิโอ โรเมโร่ นายด่านอาร์เจนไตน์ โชว์ซูเปอร์เซฟได้ทั้งสองครั้ง
ส่วนในเรื่องความดุดัน รูนี่ย์ ก็ยังไม่เปลี่ยนแม้อายุจะปาเข้าไป 34 ปีแล้ว แต่ก็พร้อมเข้าบอลหนักเสมอ ไม่เชื่อลองไปถาม เฟร็ด ที่โดนเตะดิ้นในเกมนี้ แต่กระนั้นการกระทำของเจ้าตัวก็ส่งผลให้โดนใบเหลืองไปโดยปริยาย